ดราม่าต่อ คลินิกดังแฉเพิ่ม ชี้ เม พรีมายา ไม่ได้โดนเป็นคนแรก เผยวีรกรรมหมอคนดัง เคยทำให้คลินิกสะเทือนหนัก เผยเหตุผลที่เลือกเงียบมาตลอด

ภาพจาก โหนกระแส
จากกรณี เม พรีมายา เปิดใจผ่านโหนกระแส เล่าประสบการณ์การทำธุรกิจคลินิกเสริมความงามร่วมกับหุ้นส่วนอีก 3 คน โดยในช่วงแรกเธอถือหุ้น 30% ก่อนจะปรับเป็น 25% เท่ากันทุกฝ่าย แต่เมื่อปี 2566 เกิดปัญหาคดีส่วนตัว ทำให้หุ้นส่วนกังวลว่าจะกระทบชื่อเสียงธุรกิจ จึงเสนอให้เธอโอนหุ้นไปฝากไว้ชั่วคราว โดยไม่ได้รับเงินตอบแทนใด ๆ ภายหลังเมื่อเธอต้องการกลับมาถือหุ้นเดิม กลับถูกตั้งเงื่อนไขใหม่ ทั้งการจำกัดสิทธิ์หรือบังคับลดสัดส่วนหุ้น อีกทั้งยังพบการเปิดบริษัทใหม่ในชื่อคลินิกเดิม ใช้ฐานข้อมูลลูกค้าและทรัพยากรจากบริษัทเก่า แต่ไม่มีชื่อเธอเป็นผู้ถือหุ้นเลย
คุณเม มองว่า การกระทำดังกล่าวคือการฮุบกิจการ ทั้งการโยกย้ายเงิน รายได้ และลูกค้าออกจากบริษัทที่เธอมีหุ้นอยู่ รวมถึงการทยอยปิดสาขาเก่าและตั้งบริษัทใหม่แทนโดยไม่โปร่งใส อีกทั้งน้องสาวซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นตามกฎหมายยังถูกปฏิเสธสิทธิ์ตรวจสอบบัญชี และถูกฟ้องกลับในข้อหาบุกรุก ขณะที่เธอเองถูกคลินิกใหม่ของหุ้นส่วน ฟ้องหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังจากออกคลิปเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด ด้านบริษัทคู่กรณียืนยันว่าคุณเมได้ขายหุ้นไปแล้ว และการปิดสาขาเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจ ไม่เกี่ยวกับการฮุบกิจการ อย่างไรก็ตาม คุณเมตั้งคำถามว่า เมื่อชื่อเสียงของเธอคือส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต แต่กลับถูกตัดสิทธิ์และไม่ยอมซื้อหุ้นคืนในราคาที่เป็นธรรม แบบนี้ถือว่ายุติธรรมแล้วหรือไม่
ความเคลื่อนไหวหลังจบรายการ บิ๊ก น้องชาย เม พรีมายา โพสต์เดือดปริศนาถึงบางคน โดยระบุข้อความว่า เดี๋ยวนี้คนมีการศึกษา เขาทำกันแบบนี้เหรอครับ

ภาพจาก Waleerat Clinic วลีรัตน์คลินิก
นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก Waleerat Clinic วลีรัตน์คลินิก ของ หมอกวาง วลีรัตน์ โพสต์ระบุว่า คุณเม พรีมายา ไม่ได้โดนเป็นคนแรก อยากรู้มารวมกันตรงนี้ โดยเผยในคอมเมนต์เป็นภาพของหมอ 4 คนที่ออกจากไลน์กลุ่มแล้วไม่มาทำงานพร้อมกันจนคลินิกเดือดร้อน โดยระบุข้อความว่า นิทานเรื่อง วีรกรรม อดีตหมอตัวท็อปประจำคลินิกค่ะ จนโลกโซเชียลแห่ใส่ใจ แชร์โพสต์นี้กว่า 1.8 หมื่นครั้ง

ภาพจาก Waleerat Clinic วลีรัตน์คลินิก
ต่อมา หมอกวาง วลีรัตน์ อัดคลิปถึงเรื่องนี้ผ่าน TikTok doctorwaleerat หมอกวาง กรรมกรชั้นสูง ระบุว่า วันนี้ได้ดูรายการ โหนกระแส ที่คุณเม พรีมายา มาออก ก็เลยทำให้เรานึกถึงประสบการณ์ของเราเองที่เคยเจอในอดีต เวลามันผ่านมาค่อนข้างนานแล้ว ตั้งแต่ปี 2562 แล้วก็ทำให้เราได้ข้อคิดว่า จริง ๆ แล้วเรื่องนี้มันเหมือนเป็นละครพล็อตเดิม แค่เปลี่ยนตัวแสดงเท่านั้นเอง

ภาพจาก Waleerat Clinic วลีรัตน์คลินิก
7 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2562 - 2568 เราไม่เคยออกมาพูดอะไรเลยนะคะ ทั้ง ๆ ที่เราได้รับผลกระทบ ได้รับความเสียหายทางธุรกิจ ทางชื่อเสียง รวมถึงทางจิตใจ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของคดีความที่ฟ้องร้องกันอีก แค่นั้นมันก็เหนื่อยแล้ว เราไม่อยากออกมาโจมตีใคร ไม่อยากพูดเรื่องไม่ดีกับใครให้กลายเป็นประเด็น แต่พอเห็นรายการวันนี้ ก็เลยรู้สึกว่า คนเราเนี่ยมันไม่เปลี่ยนพฤติกรรม เคยทำแบบไหน ก็ยังเป็นแบบนั้น เพียงแค่เปลี่ยนผู้ถูกกระทำเท่านั้นเอง
คือเคสของตนนะ เทียบกับเคสของคุณเมย์ มันยังไม่ได้รุนแรงเท่า เพราะว่าหมอไม่ได้ถือหุ้นกับเขา หมอเป็นเจ้าของ 100% แต่จ้างคุณหมอในฐานะที่เป็นแพทย์ประจำของคลินิก ตอนนั้นปี 2562 วลีรัตน์คลินิกมีทั้งหมด 5 สาขา และการที่เราจะเปิดคลินิกได้นั้น จะต้องมีหมอประจำอย่างน้อย 1 คนต่อ 1 สาขา เพื่อดูแลคลินิกนั้น ๆ

ภาพจาก TikTok doctorwaleerat หมอกวาง กรรมกรชั้นสูง
วันแรกที่เกิดเหตุเลย คือวันที่ 23 สิงหาคม 2562 จำได้แม่น เพราะวันนั้นเราไปเทรนที่เกาหลีกับสามี เราอยู่เกาหลีด้วยกัน ยังส่งคลิปที่เราไปดูคุณหมอที่เกาหลีทำการร้อยไหม เทคนิคใหม่ ๆ เราก็ถ่ายคลิป ถ่ายรูป ส่งกลับมาในกลุ่ม Line ของแพทย์ ชื่อกลุ่ม WC Doctor (วลีรัตน์คลินิก Doctor) เป็นกลุ่มที่เราใช้มาตั้งแต่เปิดคลินิก ทุกคนที่ทำงานที่นี่จะอยู่ในกลุ่มนี้ เวลามีความรู้หรือข้อมูลใหม่ ๆ เช่น ยาตัวนี้มีเทคนิคอะไร เราก็จะส่งเข้าไปเพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้ร่วมกัน รวมถึงเรื่องตารางเวร การลา การหยุดงาน ก็แจ้งผ่านกลุ่มนี้ เป็นเหมือนกลุ่มของหมอ ๆ ด้วยกัน
ทีนี้เราส่งข้อมูลเข้าไปในกลุ่ม เสร็จสักพัก Line ก็ดัง ติ๊ง ๆ ๆ เลยเอ๊ะ ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่ามีหมอ 4 คนออกจากกลุ่มพร้อมกัน เวลา 13.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่หมอทุกสาขาเข้าทำงานพร้อมกันตามตารางที่เซ็ตไว้ล่วงหน้าเป็นเดือน ๆ คนไข้ก็ถูกนัดหมายเรียบร้อยแล้ว เพราะตอนนั้นเรามีสาขาทองหล่อ, สยาม, เซ็นทรัลเวสต์เกต, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และคริสตัลลาดพร้าว-อินทรา รวม 5 สาขา ทุกสาขามีคิวหมอประจำไว้แล้วล่วงหน้า

ภาพจาก Waleerat Clinic วลีรัตน์คลินิก
แต่วันนั้นหมอ 4 คนออกจากกลุ่มพร้อมกัน โดยไม่มีสัญญาณหรือการแจ้งเตือนใด ๆ ถ้าหมอรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนไม่มีทางบินไปต่างประเทศแน่นอน ตอนนั้นเรายังคิดในแง่ดี ว่า Line อาจมีปัญหา เลยพยายามติดต่อไป แต่เขาไม่รับสาย พอไปดูในเฟซบุ๊ก ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเพื่อนกันอยู่ ปรากฏว่าเขาอันเฟรนด์เราไปแล้วเรียบร้อย ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนั้นก็เริ่มใจไม่ดีแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราอยู่ต่างประเทศ แต่คนไข้รออยู่ทุกสาขา หมอไม่มาทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
ตอนนั้นไม่เข้าใจเลย เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีเหตุการณ์อะไร ไม่ได้มีการทะเลาะกันด้วยซ้ำ ตนเพิ่งส่งคลิปเรียนงานให้เขาดูอยู่เลย ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ตอนนั้นอยากรู้มาก แต่ติดต่อไม่ได้ ก็ต้องรีบบินกลับจากเกาหลีเพื่อมาแก้ปัญหา เคลียร์ตารางคนไข้ โชคดีที่เราเป็นหมอเอง ยังพอช่วยดูแลคนไข้ที่เร่งด่วนได้บ้าง และยังมีหมอประจำอีก 2 คนที่ช่วยกันประคองสถานการณ์ จนพอผ่านพ้นไปได้
เหตุการณ์ครั้งนั้นเรียกว่าเป็นประสบการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตการทำงานของหมอเลยก็ว่าได้ เพราะไม่คิดว่าจะเจอ และไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่เป็นหมอจะทำพฤติกรรมแบบนี้ได้ เหตุการณ์นั้นสอนให้หมอคิดได้หลายอย่าง ว่าอย่าเชื่อใจใครมากเกินไป แม้จะเป็นหมอก็ตาม ตอนนั้นเรายังเด็ก ค่อนข้างโลกสวย มี Mindset ว่าหมอต้องน่าเชื่อถือ ไม่โกง ไม่เทงาน แค่สายยังไม่ควรมีด้วยซ้ำ แต่มันก็เกิดขึ้นจริง และเหตุการณ์วันนั้นก็ไม่ใช่ว่าจบแค่วันนั้น แต่ยังมีอีกหลายเรื่องประดังเข้ามาในชีวิต

ภาพจาก Waleerat Clinic วลีรัตน์คลินิก